tag:blogger.com,1999:blog-78426612212381831972024-02-08T10:24:48.302-08:00เรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองผ่านวีดีโอสอนภาษาอังกฤษAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/17914201582821448074noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-7842661221238183197.post-61400218093691211512013-03-30T07:35:00.004-07:002013-03-30T07:38:51.068-07:00การออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษบ่องตง!ว่าตั้งแต่เรียนภาษาอังกฤษจากป.5 ไปจนถึงมหา'ลัย อาจารย์ที่สอนไม่เคยแนะนำวิธีการออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษที่ถูกต้องให้กับผมเลย มารู้ตัวอีกที่ว่าการออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษนั่นสำคัญมากก็ตอนที่ผมต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสมัครงานแล้ว ที่นี้ก็ต้องไล่หาที่เรียนภาษาอังกฤษกันไปเพื่อที่จะได้ขัดเกลาปากของเราให้ชินกับการออกเสียงเพื่อที่เวลาใช้งานจริงๆเราจะได้คล่องปากพูดถนัดขึ้น<br />
<br />
และสำหรับ<a href="http://englishgoout.blogspot.com/">วิดีโอสอนภาษาอังกฤษ</a>วันนี้ก็จะเป็นการสอนการออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษซึ่งก็เป็นอาจารย์ลูกกอล์ฟ คณาธิป จะมาเป็นคนสอนเราโดยมีคุณพอล แฟนอาจารย์ลูกกอล์ฟมาเป็นคนออกเสียงให้เราฟังว่าการออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษที่ถูกต้องนั้นเป็นยังไง โดยวันนี้เราก็จะได้ฝึกการออกเสียงคำที่สะกดด้วยตัว D, LD, N และ L ซึ่งก็ล้วนเป็นตัวสะกดที่เราเข้าใจผิดในการออกเสียงมาโดยตลอด<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.youtube.com/embed/yQfm6Fd-wqY?feature=player_embedded' frameborder='0'></iframe></div>
<br />
ก็คงทำให้เพื่อนๆกระจ่างกันไปบ้างนะครับว่าการออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษเหล่านี้เป็นยังไงและทิ้งท้ายอาจารย์ลูกกอล์ฟก็ได้บอกว่าการพูดภาษาอังกฤษผิดเล็กผิดน้อยไม่เป็นไรขอแค่เราอึดเท่านั้นเดี๋ยวก็จะเก่งเอง เอาล่ะ! ในเมื่ออาศัยแค่ลูกอึดแค่นี้เราก็ทำได้ ถึงเวลาไปฝึกภาษาอังกฤษกันแล้วคร้าบบAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/17914201582821448074noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7842661221238183197.post-2437691920342936882013-03-22T07:36:00.004-07:002013-03-22T07:36:19.328-07:00วิธีออกเสียง I'll, I've โดย อ.อดัม<br />
เป็นอะไรที่คาใจมาตั้งนมนานตั้งแต่สมัยเรียนภาษาอังกฤษตอนป.5 มาจนถึงตอนนี้ ว่าไอคำว่า<b> I'll </b>หรือ <b>I've</b> หรือคำอื่นที่มีการเขียนย่อกันลักษณะนี้มีการออกเสียงกันยังไง ซึ่งก็เป็นจังหวะอันดีมากๆที่จะได้ทำความเข้าใจกันเพราะวีดีโอสอนภาษาอังกฤษอันล่าสุดของอาจารย์อดัมก็ได้สอน<b>วิธีออกเสียง I'll, I've </b>ให้กับเพื่อนๆบางคนสงสัยวิธีการออกเสียงของภาษาอังกฤษสองคำนี้ ซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะมีเพื่อนๆอยู่ไม่น้อยที่สงสัย<b>วิธีออกเสียง I'll, I've</b> เหมือนผม วันนี้ก็เลยขอจัดด้วยวิธีโอสอนภาษาอังกฤษตัวนี้เลย<br />
<div style="text-align: center;">
<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="225" src="http://www.youtube.com/embed/7bioRlCw-qM" width="400"></iframe><br />
<br /></div>
ถือว่ากระจ่างสุดๆเลยครับสำหรับการอธิบาย<b>วิธีออกเสียง I'll, I've</b> ของอาจารย์อดัมเพราะนอกจากจะสอนวิธีการออกเสียงแล้วยังบอกวิธีใช้ด้วยและนอกจาก<b>วิธีออกเสียง I'll, I've</b> แล้ว ก็ยังมีวิธีออกเสียงคำอื่นๆที่มีลักษณะเหมือนสองคำนี้ซึ่งก็เยอะมากครับ เยอะซะทำให้พิธีกรสาวสุดสวยของผมใจลอยเลย ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการฝึกกันหน่อยนะครับแต่อย่างไรแล้วก็อย่างที่อาจารย์อดัมบอกนะครับว่า เราสามารถที่จะพูดเป็นประโยคเต็มก็ได้ถ้ายังไม่คล่องที่จะใช้อย่างย่อโดยที่ฝรั่งก็เข้าใจที่เราพูดเหมือนกัน<br />
<div>
<br /></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17914201582821448074noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7842661221238183197.post-23205224007744963332013-01-29T08:01:00.001-08:002013-01-29T08:01:39.939-08:00ถามระยะทางและระยะเวลาเป็นภาษาอังกฤษ สอนโดยอ.อดัม<br />
กลับมาเจอกับวีดีโอสอนภาษาอังกฤษกันอีกครั้งนะครับ โดยคลิปวีดีโอที่นำเอามาฝากกันก็จะเป็นของอาจารย์อดัมที่สอนเกี่ยวกับเรื่อง ระยะทาง กับ ระยะเวลา ที่เป็นภาษาอังกฤษให้กับเราได้นำไปใช้งานกันเพราะคิดว่าเวลาฝรั่งเดินเข้ามาหาเราส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นการถามทางมากกว่าอย่างอื่น ผมจึงคิดว่าถ้าเราได้รู้จักกับประโยคภาษาอังกฤษเกี่ยวกับระยะทางและระยะเวลาแล้วก็น่าจะทำให้เราเหงื่อแตกจากการที่ฝรั่งเข้ามาถามทางเราได้นะครับ<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.youtube.com/embed/Z5t2ISUwaCw?feature=player_embedded' frameborder='0'></iframe></div>
<br />
และในคลิปวีดีโอสอนภาษาอังกฤษอันนี้ อ.อดัมก็ได้สอนวิธีการตั้งคำถามภาษาอังกฤษเกี่ยวกับระยะทางอย่างนี้ครับ คือ How far is it from here to จุดหมายปลายทาง? การถามว่าจากตรงนี้ไปถึงจุดหมายปลายทางมีระยะทางเท่าไหร่ให้ใช้ว่า ส่วนตอบก็ง่ายๆเราจะตอบเป็นกิโลเมตรก็ได้แต่ต้องออกเสียงให้ถูกนะครับ Kilometer ออกเสียงว่า คิ-โล-มิ-เท้อ ก็จะตอบอย่างนี้ครับ It is two kilometers from here.หรือจะตอบเป็น It is about two kilometers from here. ถ้าเราไม่รู้ระยะทางที่แน่นอน<br />
<br />
และสำหรับประโยคภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับระยะเวลานี่ก็จะเป็นการถามว่า"ต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ถึงจะถึงจุดหมายปลายทาง"ก็คือ How long does it take to get to จุดหมายปลายทาง? โดยใช้คำตอบว่า It takes ระยะเวลา(หน่วยนาทีหรือชั่วโมงก็ได้) เช่น It takes ten hours. เป็นต้นนะครับ<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17914201582821448074noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7842661221238183197.post-68467746266216405122013-01-26T09:40:00.000-08:002013-01-26T09:40:19.699-08:00วิธีใช้ to กับ for โดย อ.รอนนี่น่าจะได้ทำความรู้จักกับ อ.รอนนี่ กันไปแล้วนะครับ สำหรับคลิปวีดีโอสอนภาษาอังกฤษที่ อ.รอนนี่ ได้แนะนำวิธีการฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษไป ซึ่งก็มาต่อกันเลยครับ <b>วิธีใช้ to กับ for</b> ซึ่งก็เป็นอะไรที่ผมใช้มั่วมาตลอดเหมือนกันครับกับ <b>วิธีใช้ to กับ for</b> เนี่ยะ โดยที่ถึงแม้จะ อ.รอนนี่ จะสอนเราเป็นภาษาอังกฤษก็ตาม แต่พอได้ลองฟังแล้วก็ไม่ยากเลยครับแถมยังรู้สึกสนุกอีกด้วย<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.youtube.com/embed/moynYBNHarg?feature=player_embedded' frameborder='0'></iframe></div>
<br />
และสำหรับ<b>วิธีใช้ to กับ for </b>ที่อ.รอนนี่สอนก็เป็นอะไรที่เข้าใจง่ายนะครับ(ว่าไหม) เพราะแบ่งแยกให้เราได้รู้ชัดเจนเลยว่า ถ้าเป็น to เนี่ยจะใช้ก็ต่อเมื่อประโยคที่พูดถึงเนี่ยเป็นการ "โอนย้ายหรือแลกเปลี่ยน" เหมือนตัวอย่างในวิดีโอ เช่น I go <span style="color: red;">to</span> school, I gave the beer <span style="color: red;">to</span> you, I'm going to talk <span style="color: red;">to</span> you<br />
<br />
และในส่วน วิธีใช้ for นะครับ อ.รอนนี่ก็บอกว่าให้ใช้ก็ต่อเมื่อประโยคนั้นพูดถึง"ประโยชน์หรือสิ่งที่ดี" เช่น I made this lesson <span style="color: red;">for</span> you, I sing <span style="color: red;">for</span> you, I will do that <span style="color: red;">for</span> you ซึ่งพอมีคำจำกัดความของทั้งสองคำแล้วก็ทำให้ <b>วีธีใช้ to กับ for </b>นี่ง่ายมากขึ้นเยอะเลยนะครับAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/17914201582821448074noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7842661221238183197.post-64023703769864790622013-01-24T22:12:00.000-08:002013-01-24T23:57:15.768-08:00วิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยคุณครูลูกกอล์ฟ<br />
ก็กลับมาเจอกับวีดีโอสอนภาษาอังกฤษแบบสบายๆกันอีกครั้งนะครับ สำหรับวันนี้ผมก็มี<b>วิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษ</b>มาฝากครับ ซึ่งก็คงจะมีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ จำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาจำศัพท์ภาษาอังกฤษเหมือนผมก็คือจำศัพท์ได้แต่ไม่สามารถเอาไปใช้งานได้จริงหรือต้องใช้เวลานานกว่าจะจำศัพท์ ซึ่งวีดีโอสอนภาษาอังกฤษที่แนะนำ<b>วิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษ</b>นี้ก็เป็นผลงานของคุณครูลูกกอล์ฟ อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ(แรงได้ใจ)ที่ใครๆที่ได้ดูแล้วจะไม่รู้สึกเบื่อกับภาษาอังกฤษเลย<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.youtube.com/embed/fyE2Cxm9xc4?feature=player_embedded' frameborder='0'></iframe></div>
<br />
ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเหมือนผมบ้างหรือเปล่านะครับที่ลองใช้<b>วิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษ</b>แบบที่คุณครูลูกกอล์ฟแนะนำแล้วมันรู้สึกง่ายจังเลย อย่างน้อยๆ คำศัพท์สามคำที่คุณครูลูกกอล์ฟแนะนำนี่ก็มาอยู่ในหัวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการใช้<b>วิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษ</b>แบบนี้เรายังได้การออกเสียงของคำศัพท์ ประเภทของคำศัพท์และการใช้ในประโยคของคำศัพท์ด้วยซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการจำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ทุกคนเอาไปลองปรับใช้กับตัวเองได้นะคร้าบบบAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/17914201582821448074noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7842661221238183197.post-35687971001345858832013-01-23T21:23:00.000-08:002013-01-24T23:57:15.767-08:00คุณต้องการไปที่ไหน ภาษาอังกฤษเค้าว่ายังไงกัน<br />
คงจะมีคนสงสัยอยู่เหมือนกันนะครับว่า ประโยคที่ว่า <b>คุณต้องการไปที่ไหน ภาษาอังกฤษ </b>เค้าว่ายังไงกัน ซึ่งวันนี้ผมก็มีคลิปวีดีโอสอนภาษาอังกฤษของอ.อดัม อาจารย์ฝรั่งที่พูดไทย(โคตร)ชัด มาแนะนำให้กับทุกคนนะครับ ซึ่งก็ทำให้เพื่อนๆได้คลายสงสัยและมั่นใจได้ว่าถ้าจะถามฝรั่งว่า <b>คุณต้องการไปที่ไหน</b> ใน<b>ภาษาอังกฤษ</b>เค้าใช้กันยังไงซึ่งตอนแรกผมก็สับสนอยู่เหมือนกันนะครับ แต่พอได้ดูคลิปวีดีโออันนี้แล้วกระจ่างและมั่นใจขึ้นเยอะเลย<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.youtube.com/embed/LwkkBTyLRb8?feature=player_embedded' frameborder='0'></iframe></div>
<br />
หลังจากที่ได้ดูคลิปวีดีโอสอนภาษาอังกฤษอันนี้แล้ว เราก็สามารถแยกคำถาม <b>คุณต้องการไปที่ไหน</b> แบบ<b>ภาษาอังกฤษ</b>ได้เป็นสองแบบคือ แบบธรรมดาและแบบเป็นทางการโดยที่แบบธรรมดาเราสามารถใช้คำว่า "Where do you want to go" หรือประโยคแบบสั้นก็คือ "Where do you wanna go?" และแบบที่เป็นทางการของคำถาม"<b>คุณต้องการไปที่ไหน</b>"ก็คือ "Where would you like to go?"<br />
<br />
และนอกจากวิธีการตั้งคำถาม<b>คุณต้องการไปที่ไหน</b>แบบ<b>ภาษาอังกฤษ</b>แล้ว อ.อดัม ยังสอนวิธีการตอบคำถามนี้ด้วยนะครับ ซึ่งเราใช้รูปประโยค "I want to go to ...........(ชื่อสถานที่)"หรือจะเป็นแบบสั้นก็ได้คือ "I wanna go to ........(ชื่อสถานที่)" ว้าวเป็นไงครับ ทั้งการตั้งคำถามและการตอบคำถามนี้ง่ายมากๆ อ.อดัมนี่สุดยอดเลย อย่าลืมเอาไปใช้กันนะครับAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/17914201582821448074noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7842661221238183197.post-77662643664386349192013-01-23T00:19:00.001-08:002013-01-24T23:57:15.770-08:00ฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษ โดย อ.รอนนี่<br />
และสำหรับ วีดีโอสอนภาษาอังกฤษ อันแรกที่ผมเอามาแนะนำก็จะเป็นการแนะนำเทคนิกฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษ เพราะมีอาจารย์ภาษาอังกฤษหลายท่านบอกนะครับว่า ทักษะการฟังนี่จะเป็นทักษะที่จะทำให้เราสามารถพัฒนาทักษะอื่นได้ทั้ง การพูด การอ่าน และเขียน เพราะถ้าเราเปรียบเทียบกับภาษาไทย ตอนเด็กๆนี่เราก็ต้องฟังได้ก่อนถึงจะพูดตามได้ ภาษาอังกฤษ ก็เช่นเดียวกันครับ ซึ่งถ้าเราฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษเยอะๆละก็ พูดฉลุยเลย<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.youtube.com/embed/ohDL7qy-yow?feature=player_embedded' frameborder='0'></iframe></div>
<span style="text-align: justify;">และสำหรับผู้สอนทักษะการฟังภาษาอังกฤษนี้ก็จะเป็น อ.รอนนี่ อาจารย์ผู้หญิงฝรั่งจ๋าที่มีเว็บไซต์สอนภาษาอังกฤษเป็นของตัวเอง ซึ่งดูตอนแรกผมก็รู้สึกชอบด้วยบุคลิกที่ดูสนุกๆไม่เคร่งเครียดอะไร ซึ่งวีดีโอสอนภาษาอังกฤษนี้ อ.รอนนี่ ก็ได้แนะนำเทคนิคฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษไว้หลายอันเหมือนกันนะครับแต่รายละเอียดจะเป็นยังไงก็ฟังกันเอาเองนะครับ (กลัวแปลผิดคร้าบ) ซึ่งก็คิดว่าเป็นแนวทางที่เราสามารถจะเก่งภาษาอังกฤษได้โดยที่เราสนุกกับมันไปด้วยนะครับ </span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/17914201582821448074noreply@blogger.com0