วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

การออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษ

บ่องตง!ว่าตั้งแต่เรียนภาษาอังกฤษจากป.5 ไปจนถึงมหา'ลัย อาจารย์ที่สอนไม่เคยแนะนำวิธีการออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษที่ถูกต้องให้กับผมเลย มารู้ตัวอีกที่ว่าการออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษนั่นสำคัญมากก็ตอนที่ผมต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสมัครงานแล้ว ที่นี้ก็ต้องไล่หาที่เรียนภาษาอังกฤษกันไปเพื่อที่จะได้ขัดเกลาปากของเราให้ชินกับการออกเสียงเพื่อที่เวลาใช้งานจริงๆเราจะได้คล่องปากพูดถนัดขึ้น

และสำหรับวิดีโอสอนภาษาอังกฤษวันนี้ก็จะเป็นการสอนการออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษซึ่งก็เป็นอาจารย์ลูกกอล์ฟ คณาธิป จะมาเป็นคนสอนเราโดยมีคุณพอล แฟนอาจารย์ลูกกอล์ฟมาเป็นคนออกเสียงให้เราฟังว่าการออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษที่ถูกต้องนั้นเป็นยังไง โดยวันนี้เราก็จะได้ฝึกการออกเสียงคำที่สะกดด้วยตัว D, LD, N และ L ซึ่งก็ล้วนเป็นตัวสะกดที่เราเข้าใจผิดในการออกเสียงมาโดยตลอด


ก็คงทำให้เพื่อนๆกระจ่างกันไปบ้างนะครับว่าการออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษเหล่านี้เป็นยังไงและทิ้งท้ายอาจารย์ลูกกอล์ฟก็ได้บอกว่าการพูดภาษาอังกฤษผิดเล็กผิดน้อยไม่เป็นไรขอแค่เราอึดเท่านั้นเดี๋ยวก็จะเก่งเอง เอาล่ะ! ในเมื่ออาศัยแค่ลูกอึดแค่นี้เราก็ทำได้ ถึงเวลาไปฝึกภาษาอังกฤษกันแล้วคร้าบบ

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

วิธีออกเสียง I'll, I've โดย อ.อดัม


เป็นอะไรที่คาใจมาตั้งนมนานตั้งแต่สมัยเรียนภาษาอังกฤษตอนป.5 มาจนถึงตอนนี้ ว่าไอคำว่า I'll หรือ I've หรือคำอื่นที่มีการเขียนย่อกันลักษณะนี้มีการออกเสียงกันยังไง ซึ่งก็เป็นจังหวะอันดีมากๆที่จะได้ทำความเข้าใจกันเพราะวีดีโอสอนภาษาอังกฤษอันล่าสุดของอาจารย์อดัมก็ได้สอนวิธีออกเสียง I'll, I've ให้กับเพื่อนๆบางคนสงสัยวิธีการออกเสียงของภาษาอังกฤษสองคำนี้ ซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะมีเพื่อนๆอยู่ไม่น้อยที่สงสัยวิธีออกเสียง I'll, I've เหมือนผม วันนี้ก็เลยขอจัดด้วยวิธีโอสอนภาษาอังกฤษตัวนี้เลย



ถือว่ากระจ่างสุดๆเลยครับสำหรับการอธิบายวิธีออกเสียง I'll, I've ของอาจารย์อดัมเพราะนอกจากจะสอนวิธีการออกเสียงแล้วยังบอกวิธีใช้ด้วยและนอกจากวิธีออกเสียง I'll, I've แล้ว ก็ยังมีวิธีออกเสียงคำอื่นๆที่มีลักษณะเหมือนสองคำนี้ซึ่งก็เยอะมากครับ เยอะซะทำให้พิธีกรสาวสุดสวยของผมใจลอยเลย ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการฝึกกันหน่อยนะครับแต่อย่างไรแล้วก็อย่างที่อาจารย์อดัมบอกนะครับว่า เราสามารถที่จะพูดเป็นประโยคเต็มก็ได้ถ้ายังไม่คล่องที่จะใช้อย่างย่อโดยที่ฝรั่งก็เข้าใจที่เราพูดเหมือนกัน

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

ถามระยะทางและระยะเวลาเป็นภาษาอังกฤษ สอนโดยอ.อดัม


กลับมาเจอกับวีดีโอสอนภาษาอังกฤษกันอีกครั้งนะครับ โดยคลิปวีดีโอที่นำเอามาฝากกันก็จะเป็นของอาจารย์อดัมที่สอนเกี่ยวกับเรื่อง ระยะทาง กับ ระยะเวลา ที่เป็นภาษาอังกฤษให้กับเราได้นำไปใช้งานกันเพราะคิดว่าเวลาฝรั่งเดินเข้ามาหาเราส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นการถามทางมากกว่าอย่างอื่น ผมจึงคิดว่าถ้าเราได้รู้จักกับประโยคภาษาอังกฤษเกี่ยวกับระยะทางและระยะเวลาแล้วก็น่าจะทำให้เราเหงื่อแตกจากการที่ฝรั่งเข้ามาถามทางเราได้นะครับ


และในคลิปวีดีโอสอนภาษาอังกฤษอันนี้ อ.อดัมก็ได้สอนวิธีการตั้งคำถามภาษาอังกฤษเกี่ยวกับระยะทางอย่างนี้ครับ คือ How far is it from here to จุดหมายปลายทาง? การถามว่าจากตรงนี้ไปถึงจุดหมายปลายทางมีระยะทางเท่าไหร่ให้ใช้ว่า ส่วนตอบก็ง่ายๆเราจะตอบเป็นกิโลเมตรก็ได้แต่ต้องออกเสียงให้ถูกนะครับ Kilometer ออกเสียงว่า คิ-โล-มิ-เท้อ ก็จะตอบอย่างนี้ครับ It is two kilometers from here.หรือจะตอบเป็น It is about two kilometers from here. ถ้าเราไม่รู้ระยะทางที่แน่นอน

และสำหรับประโยคภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับระยะเวลานี่ก็จะเป็นการถามว่า"ต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ถึงจะถึงจุดหมายปลายทาง"ก็คือ How long does it take to get to จุดหมายปลายทาง? โดยใช้คำตอบว่า It takes ระยะเวลา(หน่วยนาทีหรือชั่วโมงก็ได้) เช่น It takes ten hours. เป็นต้นนะครับ

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

วิธีใช้ to กับ for โดย อ.รอนนี่

น่าจะได้ทำความรู้จักกับ อ.รอนนี่ กันไปแล้วนะครับ สำหรับคลิปวีดีโอสอนภาษาอังกฤษที่ อ.รอนนี่ ได้แนะนำวิธีการฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษไป ซึ่งก็มาต่อกันเลยครับ วิธีใช้ to กับ for ซึ่งก็เป็นอะไรที่ผมใช้มั่วมาตลอดเหมือนกันครับกับ วิธีใช้ to กับ for เนี่ยะ โดยที่ถึงแม้จะ อ.รอนนี่ จะสอนเราเป็นภาษาอังกฤษก็ตาม แต่พอได้ลองฟังแล้วก็ไม่ยากเลยครับแถมยังรู้สึกสนุกอีกด้วย


และสำหรับวิธีใช้ to กับ for ที่อ.รอนนี่สอนก็เป็นอะไรที่เข้าใจง่ายนะครับ(ว่าไหม) เพราะแบ่งแยกให้เราได้รู้ชัดเจนเลยว่า ถ้าเป็น to เนี่ยจะใช้ก็ต่อเมื่อประโยคที่พูดถึงเนี่ยเป็นการ "โอนย้ายหรือแลกเปลี่ยน" เหมือนตัวอย่างในวิดีโอ เช่น I go to school, I gave the beer to you, I'm going to talk to you

และในส่วน วิธีใช้ for นะครับ อ.รอนนี่ก็บอกว่าให้ใช้ก็ต่อเมื่อประโยคนั้นพูดถึง"ประโยชน์หรือสิ่งที่ดี" เช่น   I made this lesson for you, I sing for you, I will do that for you  ซึ่งพอมีคำจำกัดความของทั้งสองคำแล้วก็ทำให้ วีธีใช้ to กับ for นี่ง่ายมากขึ้นเยอะเลยนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

วิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยคุณครูลูกกอล์ฟ


ก็กลับมาเจอกับวีดีโอสอนภาษาอังกฤษแบบสบายๆกันอีกครั้งนะครับ สำหรับวันนี้ผมก็มีวิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษมาฝากครับ ซึ่งก็คงจะมีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ จำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาจำศัพท์ภาษาอังกฤษเหมือนผมก็คือจำศัพท์ได้แต่ไม่สามารถเอาไปใช้งานได้จริงหรือต้องใช้เวลานานกว่าจะจำศัพท์ ซึ่งวีดีโอสอนภาษาอังกฤษที่แนะนำวิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษนี้ก็เป็นผลงานของคุณครูลูกกอล์ฟ อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ(แรงได้ใจ)ที่ใครๆที่ได้ดูแล้วจะไม่รู้สึกเบื่อกับภาษาอังกฤษเลย


ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเหมือนผมบ้างหรือเปล่านะครับที่ลองใช้วิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบที่คุณครูลูกกอล์ฟแนะนำแล้วมันรู้สึกง่ายจังเลย อย่างน้อยๆ คำศัพท์สามคำที่คุณครูลูกกอล์ฟแนะนำนี่ก็มาอยู่ในหัวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการใช้วิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบนี้เรายังได้การออกเสียงของคำศัพท์ ประเภทของคำศัพท์และการใช้ในประโยคของคำศัพท์ด้วยซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการจำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ทุกคนเอาไปลองปรับใช้กับตัวเองได้นะคร้าบบบ

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

คุณต้องการไปที่ไหน ภาษาอังกฤษเค้าว่ายังไงกัน


คงจะมีคนสงสัยอยู่เหมือนกันนะครับว่า ประโยคที่ว่า คุณต้องการไปที่ไหน ภาษาอังกฤษ เค้าว่ายังไงกัน ซึ่งวันนี้ผมก็มีคลิปวีดีโอสอนภาษาอังกฤษของอ.อดัม อาจารย์ฝรั่งที่พูดไทย(โคตร)ชัด มาแนะนำให้กับทุกคนนะครับ ซึ่งก็ทำให้เพื่อนๆได้คลายสงสัยและมั่นใจได้ว่าถ้าจะถามฝรั่งว่า คุณต้องการไปที่ไหน ในภาษาอังกฤษเค้าใช้กันยังไงซึ่งตอนแรกผมก็สับสนอยู่เหมือนกันนะครับ แต่พอได้ดูคลิปวีดีโออันนี้แล้วกระจ่างและมั่นใจขึ้นเยอะเลย


หลังจากที่ได้ดูคลิปวีดีโอสอนภาษาอังกฤษอันนี้แล้ว เราก็สามารถแยกคำถาม คุณต้องการไปที่ไหน แบบภาษาอังกฤษได้เป็นสองแบบคือ แบบธรรมดาและแบบเป็นทางการโดยที่แบบธรรมดาเราสามารถใช้คำว่า "Where do you want to go" หรือประโยคแบบสั้นก็คือ "Where do you wanna go?" และแบบที่เป็นทางการของคำถาม"คุณต้องการไปที่ไหน"ก็คือ "Where would you like to go?"

และนอกจากวิธีการตั้งคำถามคุณต้องการไปที่ไหนแบบภาษาอังกฤษแล้ว อ.อดัม ยังสอนวิธีการตอบคำถามนี้ด้วยนะครับ ซึ่งเราใช้รูปประโยค "I want to go to ...........(ชื่อสถานที่)"หรือจะเป็นแบบสั้นก็ได้คือ "I wanna go to ........(ชื่อสถานที่)" ว้าวเป็นไงครับ ทั้งการตั้งคำถามและการตอบคำถามนี้ง่ายมากๆ อ.อดัมนี่สุดยอดเลย อย่าลืมเอาไปใช้กันนะครับ

ฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษ โดย อ.รอนนี่


และสำหรับ วีดีโอสอนภาษาอังกฤษ อันแรกที่ผมเอามาแนะนำก็จะเป็นการแนะนำเทคนิกฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษ เพราะมีอาจารย์ภาษาอังกฤษหลายท่านบอกนะครับว่า ทักษะการฟังนี่จะเป็นทักษะที่จะทำให้เราสามารถพัฒนาทักษะอื่นได้ทั้ง การพูด การอ่าน และเขียน เพราะถ้าเราเปรียบเทียบกับภาษาไทย ตอนเด็กๆนี่เราก็ต้องฟังได้ก่อนถึงจะพูดตามได้ ภาษาอังกฤษ ก็เช่นเดียวกันครับ ซึ่งถ้าเราฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษเยอะๆละก็ พูดฉลุยเลย
และสำหรับผู้สอนทักษะการฟังภาษาอังกฤษนี้ก็จะเป็น อ.รอนนี่ อาจารย์ผู้หญิงฝรั่งจ๋าที่มีเว็บไซต์สอนภาษาอังกฤษเป็นของตัวเอง ซึ่งดูตอนแรกผมก็รู้สึกชอบด้วยบุคลิกที่ดูสนุกๆไม่เคร่งเครียดอะไร ซึ่งวีดีโอสอนภาษาอังกฤษนี้ อ.รอนนี่ ก็ได้แนะนำเทคนิคฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษไว้หลายอันเหมือนกันนะครับแต่รายละเอียดจะเป็นยังไงก็ฟังกันเอาเองนะครับ (กลัวแปลผิดคร้าบ) ซึ่งก็คิดว่าเป็นแนวทางที่เราสามารถจะเก่งภาษาอังกฤษได้โดยที่เราสนุกกับมันไปด้วยนะครับ